top of page
  • Writer's picturehealthyhabitswithpim

8 นิสัยเดิมๆ แต่เพิ่มเติมคือทำให้ระบบเผาผลาญต่ำลง


สำหรับคนที่่ดูแลสุขภาพ หรือกำลังหันมาเริ่มดูแลสุขภาพนั้นคงต้องคุ้นชินกับคำว่า ระบบเผาผลาญ หรือ Metabolism กันมาบ้างแหละ แล้วระบบเผาผลาญนั้นมีความสำคัญอย่างไร หรือมีส่วนช่วยในด้านลดน้ำหนักได้อย่างไรกันบ้าง เรามาไขข้อข้องใจตรงนี้กันเถอะ


ระบบเผาผลาญ หรือ Metabolism คือกลไลหรือกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย มีหน้าที่หลักในการแปรสภาพและเผาผลาญอาหารที่เราทานไปเป็นพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงมีหน้าที่สำคัญในการดูแลระบบต่างๆของร่างกายให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย ซึ่งหัวใจหลักก็คือการที่เราจะมีระบบเผาผลาญที่ดีเพื่อที่ให้ร่างกายทำงานได้อย่างดี เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ การที่เครื่องยนต์สามารถเผาผลาญน้ำมันได้ดี ส่งผลให้รถวิ่งได้นาน และไกลขึ้นด้วย และในวันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่านิสัยแบบไหนที่ควรลด ละ เลิก ถ้าหากไม่อยากให้ระบบเผาผลาญต่ำลง


1. ไม่กินอาหารเช้า

รู้กันบ้างรึเปล่าว่า อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญสุดที่ไม่ควรขาด เพราะเนื่องจากระบบเผาผลาญของเราจะต่ำลงเมื่อครั้นที่กำลังนอน และไม่ได้รับสารอาหารมาเป็นเวลา 8 - 10 ชั่วโมง จึงทำให้อาหารนั้นเช้ากลายเป็นแหล่งพลังงานแรกที่จะได้รับ และแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย และผลวิจัยยังเคลมอีกด้วยว่า การทานอาหารเช้าเป็นประจำ นอกจากจะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานเป็นปกติแล้วนั้น การทานมื้อเช้ายังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก และลดความเสี่ยงจากโรคอ้วนไปในตัว เพียงแค่ตื่นนอนเร็วขึ้น 15 นาที่เพื่อมาหทานอาหารเช้า ก็สามารถทำให้เราทุกคนมีสุขภาพดี และมีระบบเผาผลาญที่ดีไปในตัว

ทานอาหารเช้าที่ไม่มีประโยชน์


2. ทานอาหารเช้าที่ไม่มีประโยชน์

นอกจากการไม่อดอาหารเช้าแล้วนั้น การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยอาหารเช้าที่มีประโยชน์ และสารอาหารครบถ้วนนั้นถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างระบบเผาผลาญที่ดี เพราะถ้าหากเลือกอาหารเช้าที่ไม่มีประโยชน์ เช่น ขนมหวาน โดนัท หรือกาแฟหวานๆ บอกได้เลยว่าคุณกำลังทำให้ตัวเองง่วง และเกิดอาการน้ำตาลตกในอีกไม่ช้า ทางที่ดีลองเลือกทานอาหารที่ให้โปรตีน เช่น ไข่ โยเกิร์ตใส่ผลไม้ หรือขนมปังโฮลวีตกับเนยถั่ว ในมื้อเช้าดูสิ นอกจากจะอร่อย และดีต่อสุขภาพแล้ว อาหารเหล่านี้ยังทำให้คุณอิ่มนานได้อีกด้วยเพราะการทานโปรตีนที่เพียงพอ จะส่งผลต่อร่างกาย ทำให้คุณไม่อยากทานของจุบจิบระหว่างวันนั่นเอง


3. นั่งนานจนเกินไป

ไหนจะนั่งทำงานหน้าคอม ไหนจะนั่งบนรถ และไปจบลงด้วยการนั่งที่โซฟา การที่เรามีกิจกรรมที่อยู่กับที่ และไม่ได้เคลื่อไหวร่างกายแบบนี้นั้นล้วนส่งผลทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายต่ำลงโดยไม่รู้ตัว และนอกจากนั้นการนั่งเป็นระยะเวลานานๆโดยไม่มีการลุกเดินนั้น จะทำให้ร่างกายเปลี่ยนไปอยู่ในโหมดประหยัดพลังงานโดยอัตโนมัติ ซึ่งนั่นจะหมายความว่าระบบเผาผลาญของคุณกำลังค่อยๆต่ำลงและมีแนวโน้มจะทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานช้าลงด้วยนั่นเอง


4. กลัวการเล่นเวทเทรนนิ่ง

สาวๆคนไหนที่กลัวการเล่นเวทเทรนนิ่ง หรือมีความคิดว่าการยกเวทจะทำให้กล้ามใหญ่ ขอให้ลบความคิดนี้ออกไปซะ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง หรือปั่นจักรยานนั้นร่างกายสามารถเผาผาญพลังงานได้อย่างรวดเร็วก็จริง แต่หลังจากที่หยุดการคารดิโอ การเผาผลาญของร่างกายจะกลับคืนสู่สภาพเดิม ในทางกลับกันเมื่อเราออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง หรือ HIIT trainning ร่างกายของเราจะยังเผาผลาญต่อเนื่องในขณะที่กล้ามเนื้อกำลังถูกซ่อมแซ่มไปในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย งานวิจัยยังเคลมอีกด้วยว่า การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญสำหรับระบบเผาผลาญ เพระาว่าการเล่นเวทนั้นมีการเชื่อมโยงกับกล้ามเนื้อโดยตรง หมายความว่ายิ่งมีกล้ามเนื้อมากเท่าไหร่ การเผาผลาญก็จะมากเท่านั้น เห็นแบบนี้แล้วหันมาเล่นเวทกันเถอะนอกจากจะทำให้รูปร่าง สมส่วนมากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้กินอะไรก็ไม่อ้วนง่ายด้วยนะ


5. ทานโปรตีนไม่เพียงพอ

โปรตีน ไม่เพียงแต่จะเป็นตัวช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนานแล้วนั้น ยังเป็นสารอาหารสำคัญที่จะช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อหลังจากที่เราผ่านการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง การทานโปรตีนให้เพียงพอในแต่ละวันนั้นสามารถช่วยให้เราคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น เนื่องจากร่างกายจะต้องใช้พลังงานในการย่อยโปรตีนมากกว่า ย่อยไขมัน หรือคาร์โบไฮเดรต ซึ่งหมายความว่าการทานโปรตีนที่เพียงพอกับความต้องการในแต่ละวันจึงเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม


6. พักผ่อนน้อยเกินไป

นอกเหนือจากอาหาร และการออกกำลังกายแล้ว การนอนถือเป็นสิ่งสำคัญที่ร่างกายต้องการ การที่เราพักผ่อนไม่เพียงพอนั้นมีผลทำให้ร่างกายเกิดการเฉื่อยชา และทำให้สมองมีการประมวลผลที่ช้าลง และผลวิจัยยังชี้ว่า ยิ่งถ้าเราพักผ่อนไม่เพียงพอติดต่อกันนานหลายๆวัน หรือหลายสัปดาห์ ระบบเผาผลาญของเราจะค่อยๆต่ำลง และระบบฮอร์โมนในร่างกายจะเริ่มถูกรบกวนเช่นกัน รู้แบบนี้แล้วเราควรจะหาเวลานอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละคืน ตั้งเป้าไว้ที่ 8 -10 ชั่วโมงเพื่อที่ตื่นมาจะรู้สึกได้ถึงความสดชื่น และจะได้ไม่ง่วงเหงาหาวนอนกันในระหว่างวันอีกด้วย


7. ทานน้ำน้อยเกินไปในแต่ละวัน

การดื่มน้ำนอกจากจะทำให้สดชื่น และดบกระกายในวันที่อากาศร้อนแล้วนั้น ผลวิจัยชี้ว่า การทานน้ำ 500 มิลลิลิตร หรือประมาณ 2 แก้วนั้น มีส่วนช่วยในการเพิ่มระบบเผาผลาญของร่างกาย 30% ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องนานถึง 1 ชั่วโมง รู้แบบนี้แล้วก็ไม่ควรที่จะลืม หรือละเลยการดื่มน้ำกันนะ นอกจากจะช่วยให้ผิวพรรณสดชื่น ร่างกายกระปรี่กระเปร่าแล้ว การดื่มน้ำยังช่วยเร่งการเผาผลาญอีกด้วย


8. คิดอะไรไม่ออกก็เครียด!

ความเครียดนอกจากจะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว ความเครียดยังมีผลต่อระบบเผาผลาญอีกเช่นกัน เมื่อระดับของความเครียดเพิ่มขึ้น ร่างกายจะหลั่งสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า “คอทิซอล” ซึ่งเจ้าสารคอทิซอลนี้เองที่เป็นตัวกระตุ้นความอยากอาหารประเภทที่ดีต่อใจให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำหวาน ชานมไข่มุก ไอติม พิซซ่า และหนำซ้ำยังส่งผลทำให้ความอยากในการออกกำลังกายลดลง แะมีผลต่อเนื่องถึงการนอน ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นล้วนมีผลกระทบต่อระบบเผาผลาญด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ฉะนั้นการที่เราไม่สามารถควบคุมระดับความเครียดได้ แต่ที่เราทำได้คือดูแล และหมั่นศึกษาร่างกายของตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดได้นั่นเอง


เป็นยังไงกันบ้างกับเคล็ดลับง่ายๆที่ไม่ควรมองข้ามถ้าหากไม่อย่ากให้ระบบเผาผลาญต่ำลง อย่าลืมเอากลับไปใช้กันด้วยน้า :)

38 views0 comments
bottom of page